ศึกษาดูงาน สังเกตการณ์ การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิผู้สูงอายุ
สาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
โดย นางสาวญาณิดา เอการัมย์ และนางสาวรินมณี อินสม
วันพุธที่ 13 เดือนมีนาคม พ.ศ 2567 เวลา 08:30น. – 12:00น.
หัวหน้าสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ดร.ธนพัฒน์ จงมีสุข ดร.สากล พรหมสถิตย์ และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย นางสาวคีตาภัทร พงษ์สินไชย นางสาวสุภาภรณ์ จันทาฤทธิ์ นางสาวญาณิดา เอการัมย์ และนางสาวริมณี อินสม จัดทำในรายวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ตำบลหนองตาด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ศึกษาดูงาน สังเกตการณ์การอบรมให้ความรู้ผู้สูงอายุ และสอบถามผู้สูงอายุ ด้านการส่งเสริมสร้างสุขภาวะทางกาย ด้านการส่งเสริมสร้างสุขภาวะทางจิต ด้านการส่งเสริมสร้างสุขภาวะสังคม และด้านการส่งเสริมสร้างสุขภาวะปัญญา
ได้มาศึกษาดูงาน สังเกตการณ์การอบรมให้ความรู้ผู้สูงอายุ รับฟังท่านวิทยากรบรรยายให้ความรู้ วิทยากร นางเจริญศรี วงค์สม(นักพัฒนาสังคมชำนาญพิเศษ ) เรื่อง สิทธิผู้สูงอายุ และนายปฏิญญา แปวไธสง (สถาปนิกชำนาญการ) บรรยายเรื่องการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ
จากสถิติข้อมูลในปี 2019 จำนวนประชากรโลก 7,713 ล้านคน พบว่า ประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนสูงถึง 1,016 ล้านคน ซึ่งองค์การสหประชาชาติยังได้คาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นถึง 1 ใน 5 ของประชากรโลก สำหรับประเทศไทยช่วงปี 2562 มีอัตราจำนวนเกิดลดต่ำลงเหลือเพียง 6.1 แสนคน ขณะที่จำนวนผู้สูงอายุวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 1.3 ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราควรหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มคนในวัยนี้ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าในปี 2565 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์” โดยจะมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในอัตราร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2576 จะเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” คือมีสัดส่วนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในอัตราร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด และเมื่อปี พ.ศ. 2566 ได้มีการจัดลำดับ 10 จังหวัดที่มีจำนวผู้สูงอายุมากที่สุดในประเทศไทยซึ่ง จังหวัดบุรีรัมย์มีจำนวนผู้สูงอายุอยู่ลำดับที่ 7 มีผู้สูงอายุจำนวนทั้งสิ้น 289,633 คน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นจะสร้างผลกระทบในระดับบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยแรงงานที่มีภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทุกวันนี้ประเทศไทยเรามีสัดส่วนของ กำลังแรงงาน : ผู้สูงอายุ : เด็ก อยู่ที่ 4 : 1 : 1 คาดว่าในปี 2579 จะปรับลงไปอยู่ที่ 2 : 1 : 1 และยังกระทบในเรื่องผู้สูงอายุที่มีสภาวะขาดเงินออม ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย
ผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 2. ด้านการศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสาร 3. ด้านการประกอบอาชีพ ฝึกอาชีพที่เหมาะสม 4. ด้านการพัฒนาตนเอง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย/ชุมชน 5. ด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ บริการสาธารณะอื่น 6. ด้านการลดหย่อนค่าโดยสาร และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย 7. ด้านการยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ 8. ด้านการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรม หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือถูกทอดทิ้ง 9. การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี และในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว 10. ด้านการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัย อาหารและเครื่องนุ่งห่มให้ตามความจำเป็นอย่างทั่วถึง 11. ด้านการช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพ 12. การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี 13. การจัดบริการสถานที่ท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมกีฬาและนันทนาการตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติประกาศกำหนด 14. การจัดบริการเพื่ออำนวยความสะดวกด้านพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และการจัดกิจกรรมด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติประกาศกำหนด 15. ด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้ และการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สิน เงินให้แก่กองทุนผู้สูงอายุ 16. ด้านกองทุนผู้สูงอายุ
หลักในการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ -ความมั่นคงแข็งแรงของบ้าน ควรดูแลตรวจสอบสภาพทั่วไปของบ้าน -พื้นที่ที่ผู้สูงอายุใช้เป็นประจำควรรวมอยู่ชั้นล่างของบ้าน (กรณีที่เป็นบ้านสองชั้น) เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และส่วนที่พักผ่อน -พื้นบ้านควรเป็นพื้นเรียบและไม่ขัดมัน เนื่องจากผู้สูงอายุมีการทรงตัวไม่ดีอาจจะสะดุดหกล้มได้ -เพิ่มแสงสว่างภายในบ้านผู้สูงอายุมักจะมีความเสื่อมของสายตา ทำให้ต้องการแสงสว่างเพิ่มขึ้น ภายในบ้านจึงควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ -อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย จัดวางเป็นระเบียบ อยู่ในระดับ -มุมพักผ่อน ถ้าบริเวณบ้านมีพื้นที่ว่าง ควรจัดให้มีมุมพักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุ -ติดตั้งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรติดไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก -ห้องนอน ควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก -เตียงนอนควรจัดวางในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่าย ความสูงของเตียงอยู่ในระดับที่ผู้สูงอายุนั่งแล้วสามารถวางเท้าได้ถึงพื้น ในระดับตั้งฉากกับพื้น -มีแสงสว่างเพียงพอ สวิตช์ไฟควรเป็นสีสะท้อนแสง -สิ่งของที่ไม่จำเป็นไม่ควรนำมาวางในห้องนอน เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละอองได้ -ห้องน้ำ ห้องส้วม ควรมีขนาดกว้างพอที่จะให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น สามารถหมุนตัวกลับได้ ควรมีราวจับเพื่อช่วยพยุงตัวขณะที่ลุกจากโถส้วม -พื้นห้องน้ำควรเป็นพื้นที่เรียบเสมอกัน แยกส่วนแห้งและส่วนเปียก ใช้วัสดุที่ไม่ลื่น ไม่มันเงา ทำความสะอาดง่าย มีระดับเสมอกับพื้นภายนอก ถ้าเป็นพื้นต่างระดับควรเป็นทางลาด -ควรมีที่นั่งอาบน้ำ กรณีที่นั่งอาบน้ำเป็นเก้าอี้ ต้องเป็นเก้าอี้ที่ติดอยู่กับที่เพื่อป้องกันการลื่นไถล -ประตูควรเป็นบานเลื่อน หรือประตูแบบเปิดออก ที่สำคัญประตูควรเป็นแบบที่สามารถปลดล็อกจากด้านนอกได้ -บันได ควรติดตั้งราวจับ เพื่อให้สะดวกในการเดินขึ้น-ลง ไม่ชันมากจนเกินไป ควรมีแสงสว่างเพียงพอตลอดแนวบันได
บรรยากาศ : มีท่านผู้สูงอายุได้เข้าร่วมกิจกรรม และให้ความสนใจกับกิจกรรมเป็นจำนวนมาก การให้ความร่วมมือ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน